Logo wiselabmedia

Digital Marketing คืออะไร? ทำไมผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญ

mnm all 582105 unsplash

Cotactic เชื่อว่าใครหลายคนที่ทำงานอยู่ในวงการ Social Media ต้องเคยได้ยินคำว่า Digital Marketing มาบ้างไม่มากก็น้อย เพราะในยุคปัจจุบันชีวิตประจำวันของเราล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัลทั้งทางตรงหรือทางอ้อม ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคส่วนใหญ่ในสังคม เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น จึงทำให้การทำการตลาดรูปแบบเก่า เริ่มกลายเป็นสิ่งที่ล้าหลังและไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการในภาคธุรกิจได้อีกต่อไป

ดังนั้นวันนี้ Cotactic จึงอยากจะมาอธิบายความหมายของ Digital Marketing ให้ผู้ที่สนใจได้รู้จักกันครับ ว่ามันมีขั้นตอนการทำงานอย่างไร มีความสำคัญแค่ไหน และทำไมเจ้าของธุรกิจต้องให้ความสำคัญ

Digital Marketing คืออะไร?

Digital Marketing คือ การทำการตลาดรูปแบบหนึ่งบนระบบดิจิทัล ที่มีเป้าหมายเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้งานโลกออนไลน์ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นสื่อกลางในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, โน๊ตบุ๊ค, หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งการทำ Digital Marketing นั้นสามารถทำได้ในหลากหลายช่องทางด้วยกัน เช่น Facebook, Instagram, Twitter, Line, Tiktok หรือระบบ Search Engine อย่าง Google, Bing, Yahoo เป็นต้น

Digital Marketing ถือเป็นอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญ ที่ผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจไม่ควรมองข้าม เพราะในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีมากมายได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันเรา จนส่งผลให้พฤติกรรมและความเคยชินของผู้บริโภคแตกต่างไปจากเก่า นั่นจึงเป็นสาเหตุให้การทำการตลาดต้องเร่งปรับตัวให้เหมาะสมกับยุคสมัย ทั้งยังต้องมีขั้นตอนการทำงานที่สอดคล้องไปกับเทคโนโลยี พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมมากที่สุด

ทำไมทุกธุรกิจถึงควรทำ Digital Marketing?

โลกออนไลน์เป็นอีกหนึ่งช่องทางการใช้งาน ที่นักการตลาดจะสามารถวางกลยุทธ์เพื่อโปรโมตสินค้าหรือบริการของแบรนด์ได้อย่างง่ายดาย เพราะผู้บริโภคมักจะชอบค้นหาสิ่งที่ตัวเองต้องการบนอินเทอร์เน็ต ตัวธุรกิจจึงสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ ในการดึงดูดลูกค้าให้เข้ามายังเว็บไซต์หรือหน้าเพจของแบรนด์ได้ โดยใช้กลยุทธ์จากการทำ Digital Marketing ซึ่งด้วยวิธีนี้เอง จะช่วยให้ตัวธุรกิจสามารถเชื่อมต่อและทำการสื่อสารกับผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง นับเป็นการทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับยุคสมัยเป็นอย่างยิ่ง

Digital Marketing และ Online Marketing เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?

แม้ว่าเทคโนโลยีมากมายในยุคปัจจุบันจะหลอมรวมและกลายเป็นส่วนหนึ่งไปกับชีวิตประจำวันเรา แต่การทำ Digital Marketing ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งrkอุปกรณ์ดิจิทัลที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเสมอไป ยกตัวอย่างเช่น SMS Message, แอปพลิเคชัน Offline บนสมาร์ทโฟน หรือ LED Billboard ตามถนน เป็นต้น ดังนั้นถ้าหากต้องอธิบายถึงความแตกต่างระหว่าง Online Marketing และ Digital Marketing แบบสรุปสั้น ๆ ให้เข้าใจง่ายล่ะก็

  • Digital Marketing คือ การทำการตลาดผ่านสื่อหรืออุปกรณ์ดิจิทัล
  • Online Marketing คือการทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์มและช่องทางออนไลน์ ที่ต้องอาศัยอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลางในการทำงาน

แม้จะมีความแตกต่างกันบ้างในบางจุด แต่การตลาดทั้งสองรูปแบบนี้ก็มีความใกล้เคียงกันมากจนอาจกล่าวได้ว่า การทำ Online Marketing นั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำ Digital Marketing ด้วยเช่นกัน หากต้องเลือกทำการตลาดสักอย่างบนแพลตฟอร์มดิจิทัล การทำ Digital Marketing อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะนอกจากจะให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกับการทำ Online Marketing แล้ว มันยังมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์การทำงานมากกว่าอีกด้วย

4 ช่องทางคุณภาพสำหรับทำ Digital Marketing ที่ทุกธุรกิจเลือกใช้

การทำ Digital Marketing ในปัจจุบันนั้นมีหลากหลายช่องทางด้วยกัน ซึ่งแต่ละธุรกิจต่างก็มีช่องทางที่เหมาะสมและความเข้ากันได้ที่แตกต่างกันไป Cotactic จึงขอหยิบยกเอา 4 ช่องทางยอดนิยมที่หลายธุรกิจเลือกใช้ มาเป็นตัวอย่างในการอธิบายดังนี้ครับ

1. SEO

SEO หรือ Search Engine Optimization คือการทำ Digital Marketing ที่มีเป้าหมายเพื่อดันเว็บไซต์ของตัวแบรนด์ ขึ้นไปยังหน้าแรกของ Search Engine ผ่านการปรับแต่งเว็บไซต์ โฮมเพจ หรือคอนเทนต์ภายในให้มีคุณภาพ สอดคล้องไปกับการทำงานของอัลกอริทึมจาก Search Engine ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของแบรนด์ถูกค้นหาเจอได้ง่ายยิ่งขึ้น เมื่อมีผู้บริโภคหรือผู้ใช้งานเสริช Keyword ที่เกี่ยวข้อง

โดยการทำ SEO นั้น ยิ่งทำได้ดีเท่าไหร่ ตัวเว็บไซต์ของแบรนด์ก็จะยิ่งถูกค้นหาเจอได้ง่ายเท่านั้น และเมื่อมีผู้ใช้งานเข้ามายังเว็บไซต์มากขึ้น อันดับของเว็บไซต์ที่จะไปปรากฏบน Search Engine ก็จะค่อย ๆ เลื่อนมาอยู่อันดับต้น ๆ ซึ่งส่งผลให้ตัวธุรกิจสามารถสร้างประโยชน์ต่อยอดได้อย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการสร้างรายได้เพื่อเพิ่มผลกำไร หรือ เผยแพร่การรับรู้ของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

2. Social Media Marketing

Social Media ในปัจจุบันนั้นถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางคุณภาพ ที่หลายธุรกิจเลือกใช้งานเป็นอันดับต้น ๆ หากต้องเริ่มทำ Digital Marketing เพราะมันเป็นพื้นที่บนโลกออนไลน์ไม่กี่แห่ง ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมหาศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังสามารถใช้งานได้ในหลากหลายอุปกรณ์ การใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ยังช่วยลดช่องว่างระหว่างผู้บริโภคกับตัวแบรนด์ให้น้อยลง นักการตลาดจะสามารถส่งสารที่ตัวแบรนด์ต้องการจะสื่อไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง ด้วยเหตุนี้เอง Social Media จึงกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทุกธุรกิจไม่ควรมองข้าม

3. Content Marketing

Content Marketing ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำ Digital Marketing เพราะมันคือ “สารหรือข้อความ” ที่ตัวธุรกิจต้องการจะบอกเล่าหรือสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภค เนื้อหาที่ถูกใช้งานเพื่อการทำ Content Marketing นั้น จึงมักจะมาในรูปแบบของบทความ แคปชั่น แบนเนอร์ คลิปวิดีโอ หรือ ภาพอินโฟกราฟิก ซึ่งเนื้อหาที่ดีนั้นจำเป็นต้องมีเป้าหมายการทำงานที่ชัดเจน ตัวธุรกิจต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเนื้อหาดังกล่าวถูกสร้างขึ้นเพื่ออะไร ต้องทำอย่างไรถึงจะดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้ การสร้างคอนเทนต์เพื่อใช้งานในเชิงธุรกิจจึงไม่ใช่เรื่องง่าย นักการตลาดต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ที่มากพอ กลยุทธ์ถึงจะประสบความสำเร็จ

4. E-mail Marketing

E-mail Marketing เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การทำ Digital Marketing ที่มักได้ผลเสมอมา เพราะอีเมลถือเป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารสำคัญ ที่ตัวแบรนด์สามารถส่งหาผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง มันเป็นช่องทางการสื่อสารที่ทำได้ตั้งแต่การโฆษณาสินค้าบริการ โฆษณาโปรโมชั่น ไปจนถึงยื่นข้อเสนอส่วนลดหรือแชร์ข่าวสารต่าง ๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังสามารถสร้าง Traffic ไปยังแพลตฟอร์มอื่นได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการแนบลิงค์เพื่อแชร์บล็อก แชร์บทความ หรือแชร์หน้าเว็บไซต์โฮมเพจ หากมีการจัดการและการปรับแต่งที่เหมาะสม E-mail Marketing ก็เป็นอีกกลยุทธ์การทำงานที่สามารถทำควบคู่ไปพร้อม ๆ กับหลายกลยุทธ์ได้อย่างลงตัว

“Martech” (Marketing Technology)

Martech หรือ Marketing Technology กล่าวโดยรวมมันคือเทคโนโลยีที่นักการตลาดนำมาใช้ประโยชน์ เพื่อให้การทำการตลาดมีประสิทธิภาพและสามารถสร้างผลลัพธ์อย่างที่ตัวธุรกิจต้องการ มักมาในรูปแบบของโปรแกรม เว็บไซต์ หรือ Social Media บนระบบดิจิทัล โดย Martech ที่ถูกใช้งานในปัจจุบันนั้น มีอยู่มากกว่า 7, 000 ตัวด้วยกัน (คลิกดูเพิ่มเติมที่นี่) สามารถแบ่งประเภทตามจุดประสงค์การใช้งานได้ดังนี้

  • Advertising / Promotion เครื่องมือการทำงานที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำโฆษณาหรือเพื่อการโปรโมตประชาสัมพันธ์
  • Content / Experience เครื่องมือการทำงานที่สามารถนำไปช่วยสร้างหรือออกแบบคอนเทนต์ที่พร้อมมอบประสบการณ์แบบดิจิทัล เช่น โปรแกรมทำเว็บไซต์ หรือ โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ เป็นต้น
  • Social / Relationship เครื่องมือการทำงานที่ช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคส่วนใหญ่ ส่วนมากแล้วคือช่องทางการสื่อสาร เช่น อีเมล หรือ โซเชียลมีเดีย เป็นต้น
  • Data / Analytics เครื่องมือการทำงานที่ช่วยจัดการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อประเมินผลลัพธ์หรือรายละเอียดต่าง ๆ ของแคมเปญการตลาด มีประสิทธิภาพการทำงานที่มีความแม่นยำสูง มีความถูกต้องและสะดวกรวดเร็ว
  • Commerce / Sales เครื่องมือการทำงานที่ช่วยในการขายสินค้าหรือบริการ ส่วนมากแล้วจะเป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ E-Commerce หรือระบบจัดการงานขายในเว็บหรือแอปพลิเคชันเฉพาะทาง
  • Management เครื่องมือการทำงานที่ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการงานด้านการตลาดในส่วนอื่นนอกเหนือจากข้อก่อนหน้า อาจไม่เกี่ยวข้องกับการตลาดโดยตรงแต่มีประโยชน์ต่อการทำงาน เช่น ตัวช่วยจัดการ Workflow, ตัวช่วยบริหารทีมภายใน หรือ ตัวช่วยจัดสรรเวลาและหน้าที่ เป็นต้น

ตัวอย่าง Martech ที่นิยมใช้งานกันในปัจจุบัน

  • Sendinblue เครื่องมือช่วยจัดการทำ E-Mail Marketing, SMS Marketing, Marketing Automation และ CRM ที่สามารถทำได้หมด จบครบในแพลตฟอร์มเดียว
  • Rank Math ปลั๊กอินที่ช่วยเสริมศักยภาพการทำ SEO บน WordPress ที่มาพร้อมฟีเจอร์การใช้งานกว่า 90 เครื่องมือ ครอบคลุมการทำ SEO ในทุกด้าน ครบจบในที่เดียว
  • TubeBuddy เครื่องมือจัดการช่อง Youtube ที่มาพร้อมฟีเจอร์หลากหลายที่จะช่วยให้การบริหารจัดการช่องสะดวกมากยิ่งขึ้น
  • Unbounce ตัวช่วยสร้าง Landing Page โดยผู้ใช้งานไม่ต้องเขียนโค้ดด้วยตัวเอง มาพร้อม Template ให้เลือกมากกว่า 100 แบบ ช่วยให้การสร้าง Landing Page เป็นเรื่องง่าย ใคร ๆ ก็สามารถสร้างได้เองในทันที

Digital Marketing ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางการทำการตลาด ที่ผู้ประกอบการยุคใหม่ต้องจับตามอง เพราะในปัจจุบันเทคโนโลยีมากมายได้ก้าวเข้ามามีบทบาทต่อวิถีชีวิตของผู้บริโภค จนทำให้พฤติกรรมและความเคยชินหลายอย่างต้องเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นเพื่อให้รูปแบบการทำ Marketing เกิดความเหมาะสมและเป็นไปตามยุคสมัย เจ้าของธุรกิจจึงต้องทำการศึกษาเรียนรู้และคอยปรับตัวอยู่เสมอ